เคล็ดลับง่าย ๆ ช่วยแมวอ้วนลดน้ำหนัก
นอกจากจะครองตำแหน่งไอคอนดังบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมแล้ว เจ้าเหมียวยังเป็นผู้นำเทรนด์ในยุคปัจจุบันด้วย และหนึ่งในเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ ‘Chonky Boi’ หรือการเลี้ยงแมวให้อ้วนตุ้ยนุ้ย ซึ่งทาสแมวหลายคนก็เลือกที่จะทำตาม เพราะแมวอ้วนดูน่ารักน่ากอดมากจริง ๆ แต่ความน่ารักนี้ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเค้า และยังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่ร้ายแรงอีกมากมายด้วย
โรคอ้วนในแมวคืออะไร?
การกินเป็นชีวิตจิตใจของเจ้าเหมียว พวกเค้าไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้เมื่อมีของอร่อยอยู่ตรงหน้า ทำให้แมวอ้วนได้ง่ายหรือมักจะมีน้ำหนักมากเกิน โดยพบว่าในปี 2018 มีแมวประมาณ 56 ล้านตัวเป็นโรคอ้วน และแม้ว่าน้ำหนักตัวที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แต่หากมีน้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 20% ขึ้นไป ก็จะถูกพิจารณาว่าเป็นโรคแมวอ้วน โดยโรคอ้วนจัดอยู่ในกลุ่มโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและอายุขัยอย่างรุนแรง และยังอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่อันตรายอีกด้วย
แมวมีน้ำหนักเกินได้หรือไม่?
ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนไม่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดยแมวอ้วนที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 20% ขึ้นไป จะถูกจัดว่าเป็นโรคอ้วน แต่หากน้ำหนักตัวมากกว่าที่ควรประมาณ 10 – 20% แสดงว่ามีภาวะน้ำหนักตัวเกิน ทั้งนี้เจ้าของสามารถตรวจสอบว่าแมวอ้วนหรือมีน้ำหนักเกินได้ด้วยตนเองง่าย ๆ เพียงแค่สัมผัสบริเวณลำตัวด้านข้างของพวกเค้า หากคลำไม่พบกระดูกซี่โครง เจ้าเหมียวอาจเสี่ยงต่อปัญหานี้ ขอแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์เพิ่มเติม
ผลกระทบจากการเป็นโรคอ้วน
สำหรับทาสแมวที่ต้องการช่วยเจ้าเหมียวลดน้ำหนักและป้องกันผลกระทบดังต่อไปนี้ มาติดตามเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้แมวอ้วนของคุณกลายเป็นแมวเหมียวสุขภาพดีกันได้เลย
เคลื่อนไหวร่างกายลำบาก
น้องแมวมีความคล่องแคล่วว่องไวและมีขาที่แข็งแรงมาก ทำให้พวกเค้าสามารถวิ่งหรือกระโดดได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อแมวอ้วนขึ้น สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องยากในทันที โดยการเคลื่อนไหวร่างกายลำบากถือเป็นอาการเริ่มแรกของแมวที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
ช่วงเอวหนาขึ้น
แมวอ้วนเกินไปหรือเปล่า? น้องแมวส่วนใหญ่จะมีรูปร่างผอมเพรียว มีเอวคอด ซึ่งช่วยให้เคลื่อนตัวผ่านพื้นที่แคบได้โดยง่าย แต่หากมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ไขมันจะถูกเก็บสะสมบริเวณรอบเอว ทำให้เอวหนาขึ้นและตัวดูอวบอ้วน
สัมผัสไม่พบกระดูกซี่โครง
หนึ่งในวิธีตรวจสอบแมวอ้วนง่าย ๆ คือการสัมผัสลำตัวของพวกเค้า โดยใช้มือสัมผัสบริเวณลำตัวด้านข้าง หากคลำพบกระดูกซี่โครงได้ง่าย แสดงว่าเจ้าเหมียวมีรูปร่างและน้ำหนักที่เหมาะสม แต่หากไม่พบกระดูกซี่โครงมีเพียงชั้นไขมันหนา แสดงว่าเจ้าเหมียวมีน้ำหนักตัวมากเกินไปแล้ว
ขนสกปรกและพันกัน
แมวชอบทำความสะอาดตัวเอง พวกเค้าสามารถก้มตัวหรือหมุนตัวได้ทุกทิศทาง เพื่อเลียทำความสะอาดทุกส่วนในร่างกาย อย่างไรก็ตาม โรคอ้วนมักทำให้ร่างกายของแมวมีความยืดหยุ่นลดลง จึงไม่สามารถเข้าถึงทุกส่วนของร่างกายได้เช่นเดิม ทำให้มักมีขนที่สกปรกและยุ่งเหยิง
มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร
ปัญหาในระบบทางเดินอาหารและลำไส้เป็นผลกระทบหลักที่เกิดจากโรคอ้วน เพราะการมีไขมันสะสมมากเกินไป ส่งผลให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายติดขัด หากพบว่าน้องแมวขับถ่ายน้อยผิดปกติ พวกเค้าอาจกำลังเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
ไม่ค่อยลุกหรือขยับตัว
แมวเหมียวขึ้นชื่อเรื่องความกระตือรือร้น เต็มไปด้วยพลัง และชอบเล่นซนเป็นที่สุด แต่เมื่ออ้วนขึ้น พวกเค้าจะไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามใจชอบ อีกทั้งยังทำให้เหนื่อยง่าย ต้องใช้พลังงานมากขึ้น แมวอ้วนจึงมักจะดูเซื่องซึมและไม่เต็มใจที่จะลุกหรือเดินไปมา
สาเหตุของโรคอ้วนในแมว
ก่อนที่เราจะมาดูเคล็ดลับลดน้ำหนักให้แมวอ้วน เราควรเรียนรู้ถึงสาเหตุของภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนกันก่อน
ไม่ออกกำลังกาย
หากไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม อาจทำให้แมวอ้วนเกินไป มีน้ำหนักตัวเกิน หรือเป็นโรคอ้วนได้
สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อโรคอ้วนในแมว บรรพบุรุษของแมวหรือแมวป่านั้น ต้องออกล่าอาหารเป็นประจำ ซึ่งต้องอาศัยการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นอย่างมาก ทำให้พวกเค้ามีรูปร่างผอมเพรียว แต่แมวบ้านในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องล่าเหยื่อเองอีกต่อไป พวกเค้าจึงมักจะอ้วนขึ้นเนื่องจากไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมและออกกำลังกาย
ภาวะสุขภาพแทรกซ้อน
ความผิดปกติของระบบเผาผลาญและต่อมไร้ท่อ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแออาจนำไปสู่โรคอ้วนในแมวได้ การทำหมันก็อาจทำให้น้องแมวบางตัวน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
ชนิดของอาหาร
แมวอาจต้องการโปรตีนและไขมันจากเนื้อสัตว์เป็นหลัก แต่อาหารประเภทนี้มักจะมีแคลอรี่สูง หากกินมากเกินไป โดยไม่ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เจ้าเหมียวก็อาจเสี่ยงต่อปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนได้ง่าย
ให้อาหารมากเกินไป

ยิ่งมีอาหารเมนูโปรดให้กินมากเท่าไหร่ เจ้าเหมียวก็ยิ่งแฮปปี้มากขึ้นเท่านั้น แต่การให้อาหารมากเกินไป อาจนำไปสู่ปัญหาอาหารไม่ย่อย หรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
กินมูมมามหรือตะกละตะกลาม
เครื่องให้อาหารอัตโนมัติเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทาสแมวที่มีตารางงานวุ่นวาย เพราะทั้งสะดวกและรวดเร็ว แต่แมวส่วนใหญ่ไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองให้หยุดกินได้ ซึ่งมักจะนำไปสู่โรคอ้วน
ให้ขนมมากเกินไป
ขนมแมวสามารถใช้ในการฝึกเจ้าเหมียวก็ได้ เป็นรางวัลเมื่อทำตัวน่ารักก็ได้ หรือใช้เพื่อแสดงความรักและความผูกพันธ์ระหว่างคุณกับเจ้าเหมียวก็ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การให้ขนมแสนอร่อยมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเจ้าเหมียวได้เช่นกัน จึงควรให้ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น
ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน
- เบาหวาน
- ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ตับวาย
- โรคหัวใจ
- โรคระบบทางเดินหายใจ
- ภาวะคลอดยาก
เคล็ดลับลดน้ำหนักให้แมวอ้วนกลับมามีสุขภาพดี
กำหนดปริมาณแคลอรี่
การทานอาหารแคลอรี่สูงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคอ้วนในแมว เลยเป็นเหตุผลที่เราต้องกำหนดปริมาณอาหารให้เหมาะสม วิธีการก็มีตั้งแต่การปรุงอาหารให้เจ้าเหมียวเองเลยที่บ้าน หรือเลือกอาหารแมวชนิดเปียกแสนอร่อยที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วน ทั้งช่วยให้เจ้าเหมียวได้รับน้ำเพิ่มอีกด้วย อีกหนึ่งเคล็ดลับที่ทำแล้วได้ผลดีก็คือการจำกัดขนมที่ให้เจ้าเหมียวในแต่ละวัน เนื่องจากขนมนั้นมีแคลอรี่สูง ซึ่งทำให้แมวอ้วนได้ง่าย
ให้อาหารเป็นเวลา
การให้อาหารแบบอิสระคือการเทอาหารเม็ดทิ้งไว้ในปริมาณมาก เพื่อให้น้องแมวกินอาหารได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แต่เพราะนิสัยกินได้ไม่หยุด อาจทำให้พวกเค้ากินอาหารมากเกินไปจนกลายเป็นแมวอ้วนได้ง่าย เพื่อควบคุมน้ำหนักและรักษารูปร่างให้เหมาะสม ควรกำหนดตารางการให้อาหารในแต่ละวันหรือเปลี่ยนมาใช้เครื่องให้อาหารอัตโนมัติที่กำหนดเวลาได้แทน
ออกกำลังกายเป็นประจำ
หากเจ้าตัวน้อยของคุณเป็นโรคอ้วน การออกกำลังกายเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ดีที่สุด จะให้พวกเค้าวิ่ง ปีนป่าย หรือกระโดดก็ได้ทั้งนั้น การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้เผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินและทำให้แมวกลับมามีรูปร่างที่ดีได้ สำหรับแมวบ้านที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกาย การติดวงล้อออกกำลังกายก็เป็นทางเลือกที่ดี หรือจะชวนพวกเค้าเล่นเกมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ ด้วยก็ได้
การรักษาด้วยยา
โรคอ้วนในแมวสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา แต่มักจะเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยจะใช้ต่อเมื่อน้องแมวไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นได้แล้ว หรือมีปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง สำหรับยาที่นิยมใช้รักษาโรคอ้วน จะมียา Bupropion naltrexone, Orlistat และ Liraglutide แต่การใช้ยาเหล่านี้ควรได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์เท่านั้น
ปรึกษาสัตวแพทย์
หากน้องแมวมีน้ำหนักเกิน สิ่งแรกที่ควรทำคือปรึกษาสัตวแพทย์ เนื่องจากโรคอ้วนในแมวอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น โรคไฮเปอร์ไทรอยด์ ซึ่งต้องดูแลรักษาในทันที การพบคุณหมอหรือตรวจสุขภาพจะช่วยให้วินิจฉัยได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเจ้าเหมียวควรควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสม